จากกรณีเรื่อง การหายใจช้าและลึก ช่วยให้สุขภาพดีและอายุยืน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

ตามการเผยแพร่ข้อมูลในประเด็นสุขภาพว่า การหายใจช้าและลึก ช่วยให้สุขภาพดีและอายุยืน ทางสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าอัตราการหายใจขณะพักของผู้ใหญ่ปกติ คือ  12 – 20 ครั้ง ต่อนาที  ในขณะออกกำลังกาย อัตราการหายใจจะเร็วขึ้น หรือในภาวะเครียดคนเราอาจจะหายใจเร็วและตื้นขึ้น ทำให้อากาศเข้าสู่ปอดได้น้อยลง การฝึกการหายใจเข้าช้า ๆ และลึก โดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลม จะช่วยให้อากาศเข้าสู่ปอดได้มากขึ้น เพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด ช่วยให้อัตราการหายใจช้าลง อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง ความดันโลหิตลดลง และช่วยลดความเครียดได้  สำหรับวิธีการฝึกหายใจ ให้นั่งพิงเก้าอี้ในท่าสบาย มือประสานที่หน้าท้อง หายใจเข้าลึก ๆ ให้รู้สึกว่าท้องพองออก กลั้นหายใจไว้ชั่วครู่ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ จนหมด รู้สึกว่าหน้าท้องยุบลง ทำ 5 ครั้งต่อรอบ วันละ 3 – 4 ครั้ง ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง การฝึกการหายใจที่ถูกต้องสามารถช่วยลดอาการเหนื่อยได้อีกด้วย 

ในการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนต้องผจญกับความเครียด คิดมาก วิตกกังวล จากหลากหลายปัญหาที่เข้ามา การฝึกการหายใจด้วยท้อง เป็นตัวช่วยสำคัญในการคลายเครียด ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต ระบุว่า ความเครียดหากมีมากเกินไป อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ๆ จะเกิดผลเสีย ระบบประสาทอัตโนมัติและระบบต่อมไร้ท่อในร่างกายทำงานมากขึ้น ส่งผลให้หัวใจเต้นแรง ความดันโลหิตสูงขึ้น กล้ามเนื้อเกิดอาการเกร็ง หายใจถี่ขึ้น เหงื่อออก สมองมีนงง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ไม่มีสมาธิ กินไม่ได้ และนอนไม่หลับ นอกจากนี้ ความเครียดสะสมยังเป็นภัยเงียบที่ก่อให้เกิดโรคภัย เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ก่อเกิดโรคทางใจ อาทิ วิตกกังวล ซึมเศร้า ได้ด้วย

วิธีขจัดความเครียดที่สามารถเริ่มได้ทันที คือ การฝึกการหายใจเพื่อคลายเครียดโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ขั้นตอนง่าย ๆ ด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมนับ 1 ถึง 4 เป็นจังหวะช้า ๆ จนรู้สึกว่าท้องพองออก แล้วค่อยผ่อนลมหายใจออก นับ 1 ถึง 8 ไล่ลมหายใจออกมาให้หมด การฝึกการหายใจคลายเครียดควรทำติดต่อกันประมาณ 4-5 ครั้ง ฝึกทุกครั้งที่เครียด เมื่อรู้สึกโกรธ รู้สึกไม่สบายใจ ในแต่ละวันควรฝึกหายใจให้ถูกวิธีประมาณ 40 ครั้ง ใช้เวลาได้ตลอดทั้งวัน ปกติแล้วคนเราจะหายใจเข้า ออกวันละประมาณ 16,000 – 23,000  ครั้ง การหายใจเข้าจะสูดก๊าซออกชิเจนนำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกายประมาณ 250 มิลลิลิตร และคายก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ออกประมาณ 200 มิลลิลิตร เมื่อมีอาการเครียดจะหายใจถี่และตื้นขึ้นกว่าเดิม ทำให้ได้ก๊าซออกซิเจนน้อยกว่าเดิม จึงต้องฝึกการหายใจให้ลึกและช้าขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับก๊าซออกซิเจนมากขึ้น ส่งผลดีต่อร่างกาย ทั้งอัตราการเต้นหัวใจ และอัตราการหายใจลดลง ความดันโลหิตลดลง ซึ่งจะช่วยคลี่คลายความกังวลลง มีสมาธิ ใจเย็นขึ้น สมองแจ่มใส ความจำดีขึ้น ตลอดจนคิดอ่านแก้ปัญหาได้ดีขี้นด้วย

นอกจากการฝึกหายใจคลายเครียดแล้ว ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที  สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 วัน จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมาก รู้สึกสบาย นอนหลับได้ดีขึ้น

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org