อาหารกับโรคมะเร็งสัมพันธ์กันจริงหรือไม่? ทำไมห้ามกินอาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม คนเป็นมะเร็งควรเลือกกินมังสวิรัติ?
ปัจจุบันมีข้อมูลมากมายในโลกออนไลน์ แนะนำอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเพื่อลดอาการของโรค บางข้อมูลแนะนำให้เลือกรับประทานอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดมะเร็งในร่างกาย จริง ๆ แล้วอาหารมีผลต่อมะเร็งหรือไม่ ต่อกรณีดังกล่าว รศ.นพ.เอกภพ สิระชัยนันท์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลกับ Hfocus ว่า ในประเด็นที่ว่า อาหารมีผลในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งหรือไม่ ยืนยันว่า อาหารที่ทำให้เกิดความเสี่ยงมะเร็งได้สูงขึ้นนั้นมีจริง เช่น อาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม กลุ่มนี้มีการพิสูจน์แล้วว่าสัมพันธ์กับโรคมะเร็งบางโรค เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งพบว่า คนที่ชอบรับประทานอาหารไหม้ จะพบโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้มากขึ้น ส่วนเชื้อราที่ปะปนในอาหารอย่าง เชื้อราอะฟลาทอกซิน (aflatoxin) ที่อยู่ในอาหารแห้ง ถั่วแห้ง ก็มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งตับ คนที่รับประทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มีเชื้อรานี้มาก ๆ เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับสูงขึ้นได้
"อาหารจะเกี่ยวข้องกับมะเร็งบางอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกโรค ส่วนคนที่ทานเนื้อสัตว์มากจะเป็นมะเร็งหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน หากจะงดเนื้อสัตว์เพื่อไม่ให้เป็นมะเร็ง งดกับไม่งดยังไม่ต่างกันมาก สำหรับความเชื่อที่ว่า รับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น ผัก ผลไม้ จะช่วยลดการเกิดมะเร็งได้มากขึ้น ก็ยังไม่ชัดเจนเช่นกัน ยังพิสูจน์ได้ยาก การคุมอาหารเพื่อลดการเกิดมะเร็งจึงยังไม่ค่อยได้ประโยชน์มาก ในแง่ของการป้องกัน" รศ.นพ.เอกภพ กล่าว
รศ.นพ.เอกภพ เพิ่มเติมด้วยว่า ส่วนผู้ที่เป็นมะเร็งแล้ว และกำลังทำการรักษา ทั้งการรักษาแบบเคมีบำบัด (คีโม) ผ่าตัด หรือฉายแสง โดยเชื่อว่าต้องเลือกรับประทานอาหาร มะเร็งจะได้ขาดอาหารแล้วตาย ซึ่งไม่เป็นความจริง เซลล์มะเร็งก็เป็นเซลล์ของร่างกายเหมือนกัน เพียงแต่มันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ยีนต่าง ๆ เปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง มีความต้องการอาหาร ต้องการอากาศเหมือนกัน ไม่ต่างกับเซลล์ปกติ ถ้างดอาหาร เซลล์ปกติหรือร่างกายก็จะขาดอาหารไปด้วย การอดอาหารจึงไม่ได้ทำให้เซลล์มะเร็งโตช้าลง เพราะมะเร็งมีความสามารถในการแบ่งตัวและการเจริญเติบโตด้วยตัวมันเอง แม้เราจะไม่ให้อาหารเลย มะเร็งก็ไปแย่งอาหารจากร่างกายเรา สังเกตได้ว่า ผู้ป่วยมะเร็งร่างกายจะซูบผอมเนื่องจากถูกแย่งอาหารไปการงดอาหารในการรักษามะเร็งไม่ได้ช่วย นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังมีโทษ สภาพร่างกายทั่วไปจะผอมลง เวลาได้รับเคมีบำบัดจะมีผลข้างเคียง และต้องฟื้นตัวเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ทันเวลาที่จะรับเคมีบำบัดรอบต่อไป หากได้รับอาหารไม่เต็มที่ ร่างกายผู้ป่วยจะฟื้นตัวช้า การได้ยา รับการรักษาก็จะไม่เต็มที่ตามแผนการที่วางไว้ ประสิทธิภาพการรักษาก็จะแย่ลง การไม่รับประทานเนื้อสัตว์หรือเนื้อวัว จึงไม่มีผลทั้งในแง่ของการป้องกันและรักษามะเร็ง ทั้งนี้ การศึกษาในประเทศอังกฤษยังพบว่า คนไข้มะเร็งเต้านมในกลุ่มที่ทานเนื้อสัตว์รักษาตัวได้ดีกว่ากลุ่มที่งดทานเนื้่อสัตว์
สำหรับคำถามที่ว่า คนที่เป็นมะเร็งเต้านมควรดื่มน้ำเต้าหู้หรือไม่นั้น รศ.นพ.เอกภพ อธิบายว่า ฮอร์โมนนั้นมีความสัมพันธ์กับมะเร็ง ฮอร์โมนเพศชายก็จะเกี่ยวข้องกับมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนฮอร์โมนเพศหญิงก็จะเกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านมในผู้หญิง การรักษาจึงต้องใช้ยาต้านฮอร์โมนด้วย เพื่อลดการสร้างฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลให้ตัวโรคตอบสนองดีขึ้น การเลือกรับประทานอาหารบางประเภท เช่น ในน้ำเต้าหู้ ผลิตภัณฑ์ทำจากถั่วเหลืองซึ่งมีสารไฟโตเอสโตรเจน เอสโตรเจนจากพืชหรือฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกาย อาจไปกระตุ้นเซลล์มะเร็งเต้านมในร่างกายคนไข้ได้นั้น ข้อมูลตรงนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางผลวิจัย ทั้งกรณีที่จะทำให้เซลล์มะเร็งโตขึ้น หรือมีผลรบกวนต่อเอสโตรเจนในร่างกายคนไข้จนเซลล์มะเร็งฝ่อลง เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป เป็นไปได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย หากคนไข้รู้สึกไม่สบายใจก็ไม่ควรรับประทาน
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 3994 views