สธ. ชี้ การเชื่อมข้อมูลสุขภาพของ รพ.ต่างสังกัด อยู่ในแผนของ คกก.สุขภาพดิจิทัลแล้ว กำหนดใช้มาตรฐานข้อมูลและความปลอดภัยเดียวกัน   ส่วนประเด็นการบันทึกข้อมูลของบุคลากร ที่หวั่นอาจเป็นภาระงานเพิ่มนั้น ขณะนี้กำลังปรับเปลี่ยนระบบ ระยะยาวจะทำให้การดำเนินงานราบรื่น  พร้อมตั้งสำนักงานสุขภาพดิจิทัลฯ กำหนดแพลตฟอร์มระดับชาติ ให้เสร็จในปี 2566

 

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2565  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการสุขภาพดิจิทัลแห่งชาติ เตรียมกำหนดมาตรฐานข้อมูล ความปลอดภัยของผู้รับบริการ แต่มีข้อกังวลเรื่องปัญหาการเชื่อมต่อข้อมูลของโรงพยาบาลที่อยู่ต่างสังกัดกัน เนื่องจากจะมีระบบบันทึกข้อมูลของตนเองที่แตกต่างกัน ว่า เรื่องระบบสุขภาพดิจิทัลเป็นเรื่องระยะกลางและระยะยาว ไม่สามารถทำให้เสร็จได้ภายใน 1-2 ปี แต่มีแผนงานในอนาคตที่จะเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพระหว่างโรงพยาบาลต่างสังกัด

ทั้งนี้ ในช่วงเปลี่ยนผ่านต้องมีการทำความตกลงในการเชื่อมระบบกัน ส่วนที่เรื่องแพลตฟอร์มในการบันทึกข้อมูลสุขภาพที่แต่ละสังกัดใช้แตกต่างกันนั้น ในคณะกรรมการสุขภาพดิจิทัลแห่งชาติ มีตัวแทนโรงเรียนแพทย์หลายแห่งร่วมเป็นกรรมการด้วย เชื่อว่าจะช่วยกันสร้างระบบข้อมูลสุขภาพที่ทุกฝ่ายใช้ประโยชน์ร่วมกัน มีการกำหนดมาตรฐานของข้อมูล มาตรฐานเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ที่จะนำข้อมูลไปใช้ จึงไม่น่าจะเป็นประเด็นที่ต้องกังวล

“เรื่องการบันทึกหรือคีย์ข้อมูลเป็นอีกจุดที่สำคัญ เพราะที่ผ่านมามีประเด็นว่าเป็นภาระงานของบุคลากรค่อนข้างมาก ขณะนี้ หน่วยงานที่ดูแลเรื่องสุขภาพดิจิทัลของกระทรวงสาธารณสุขกำลังปรับเปลี่ยนระบบ เชื่อว่าการจัดการต่างๆ จะดีขึ้น และระยะยาวจะทำให้การดำเนินงานราบรื่นขึ้น ทั้งนี้ ทุกเรื่องอยู่ในแผนการดำเนินการแล้ว และมีการเดินหน้าไปตามแผน” นพ.โอภาสกล่าว

ด้าน พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คณะกรรมการสุขภาพดิจิทัลแห่งชาติ ได้เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการ พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งมี 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1.การสร้างเสริมธรรมาภิบาลสุขภาพดิจิทัล 2.การพัฒนาแพลตฟอร์มระบบสุขภาพดิจิทัลระดับชาติและระบบนิเวศดิจิทัลสุขภาพ 3.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของระบบสุขภาพดิจิทัล 4.การส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบสารสนเทศที่ทันสมัย นวัตกรรม และปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ และ 5.การพัฒนาคนให้พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่ระบบสุขภาพดิจิทัลอย่างยั่งยืน

พญ.ปฐมพรกล่าวต่อว่า เรื่องที่จะดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 คือ การกำหนดมาตรฐานข้อมูลสุขภาพและการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพที่สอดคล้องมาตรฐานสากล ส่วนในปี 2567 จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบสุขภาพดิจิทัล พัฒนาระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของระบบสุขภาพดิจิทัล พัฒนาศูนย์ประสานงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ด้านสุขภาพ และส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ และในระยะยาวจะพัฒนาการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่โดยใช้หลักการ Data Governance ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มระบบสุขภาพดิจิทัลระดับชาติ สร้างสิ่งแวดล้อมกระตุ้นการเข้าใช้ระบบสุขภาพดิจิทัลและสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรด้านดิจิทัลสุขภาพ โดยจะให้แล้วเสร็จภายในปี 2570

 

(ข่าวเกี่ยวข้อง : "อนุทิน" ประชุมคกก.สุขภาพดิจิทัลฯ ครั้งแรก เห็นชอบแผน 4 ปี ชงครม. ย้ำ! ต้องไม่เพิ่มภาระบุคลากรเรื่องบันทึกข้อมูล)

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org