รมว.สธ. เปิดโครงการดูแล “อสม.” เดินหน้าโครงการตรวจสุขภาพประจำปี หากพบความเสี่ยงด้านสุขภาพ พร้อมส่งเข้าระบบรักษา ชี้ยาต้องให้แพทย์วินิจฉัย ไม่จำเป็นต้องให้ฟาวิพิราเวียร์ทุกคน

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทุบรี ณ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อาคาร1 ชั้น 9 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ kick off ตรวจสุขภาพ อสม. โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงฯ บุคลากร เจ้าหน้าที่ และ อสม. เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก  

นายอนุทิน กล่าวว่า โครงการที่เกิดขึ้น เพื่อต้องการให้เกิดความมั่นใจว่า อสม.ทั่วประเทศ ได้รับความเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพ โดยที่ผ่านมา มีการพัฒนาแอพลิเคชั่น เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ การตรวจสุขภาพของ อสม. สามารถประเมินตนเองได้ผ่านแอพลิเคชั่น เมื่อพบว่ามีความเสี่ยง จะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล เพื่อรักษา เราต้องการให้ อสม.มีสุขภาพดี ซึ่งสุขภาพที่ดี จะเป็นตัวอย่างกับประชาชน หาก อสม.ป่วย หรือมีโรค ย่อมไม่สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ดังนั้น สำหรับ อสม. นอกจากท่านจะต้องดูแลประชาชน ท่านยังจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชนด้วย

“เรามุ่งหวังให้ อสม. 1.05 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ที่อยู่ในชุมชน มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีด้านสุขภาพให้กับครอบครัวและชุมชน ให้คนในพื้นที่มีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศชาติมีความแข็งแรงเช่นกัน”

ส่วนเรื่องของการรักษาผู้ป่วยโควิด ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลไม่มีการแทรกแซงในเรื่องของการแพทย์ ทุกอย่างที่กำหนดมาเป็นแนวทาง มาจากการตัดสินใจของ ทั้งฝ่ายวิชาการ ฝ่ายปฏิบัติ ทุกอย่างมีเหตุผลทางการแพทย์รองรับ ทำให้เกิดความมั่นใจ ขอให้ความมั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุข แพทย์ และผู้บริหาร ให้ความสำคัญกับสุขภาพที่ดีของประชาชนเป็นหลัก 

ในเรื่องที่มีข่าวว่ายา(ฟาวิพิราเวียร์)ไม่พอนั้น  ไม่ใช่ความจริง เตียงก็ยังมีอยู่ แต่จะบริหารทรัพยากรทางสาธารณสุขอย่างไร ที่จะทำให้เกิดความมั่นใจว่า ทรัพยากรเหล่านี้มีไว้สำหรับผู้ที่ต้องการจริงๆ เช่นผู้ป่วยสีเขียวการที่ใช้ระบบ HOME ISOLATION ก็ถือว่าเป็นการรักษาที่มีความเหมาะสม เนื่องจากไม่มีอาการจึงไม่จำเป็นต้องไปครองเตียงในโรงพยาบาล ปล่อยให้เตียงว่างสำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรงดีกว่า ที่สำคัญ เราไม่ได้มีแค่โรคโควิดโรคเดียว จึงต้องเหลือเตียงสำหรับรักษาโรคอื่น สุดท้ายผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด คือประชาชน

เมื่อถามถึงโครงการเจอ แจก จบ หรือการจัดสรรยาแก่ผู้ป่วยโควิด กลับไปทานที่บ้าน นายอนุทิน ชี้แจงว่า คำว่า เจอ แจก จบ ไม่ได้หมายความว่า จบ แบบไม่ได้รักษา เจอ คือ เจอคนไข้ แจก คือ แจกยาและเวชภัณฑ์ แจกคำแนะนำ จบ คือ จบด้วยตัวเอง จบด้วยการดูแลตัวเอง แต่ก็อยู่ภายใต้การดูแลของหมอ  มั่นใจได้ว่าทุกคนจะไม่ถูกทอดทิ้ง สามารถเข้าถึงแพทย์ได้ ส่วนยานั้นต้องให้หมอทำการวินิจฉัยก่อน และจัดยาที่เหมาะสม เนื่องจากคนป่วยโควิดไม่จำเป็นต้องรับยาฟาวิพิราเวียร์ทุกคน

 

 

 

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org