เลขาธิการ สปสช. ระบุ ช่วงรอยต่อสิ้นเดือนกันยายนของทุกปี มีผู้เกษียณอายุการทำงานจำนวนมากที่ต้องใช้สิทธิบัตรทอง เชิญชวน 6 กลุ่มคน ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลประจำเพื่อใช้สิทธิบัตรทองดูแลสุขภาพ

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ช่วงรอยต่อหลังจากวันที่ 30 กันยายนของทุกปี จะมีผู้เกษียณอายุการทำงานออกจากระบบเป็นจำนวนมาก ทั้งข้าราชการและผู้ที่ทำงานในบริษัทเอกชน ซึ่งจะสัมพันธ์กับสิทธิการรักษาพยาบาลด้วย โดยผู้ที่เป็นข้าราชการเกษียณที่เลือกไม่รับบำนาญ ก็จะมีระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เข้ามาช่วยดูแล เช่นเดียวกับผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม หากไม่ได้ส่งเงินสมทบต่อเนื่องหลังเกษียณอายุการทำงาน ก็จะได้รับการดูแลผ่านระบบบัตรทองเช่นกัน

สำหรับผู้มีสิทธิบัตรทอง นอกจากกลุ่มผู้ประกันตนที่ขาดการส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมแล้ว ยังมีอีก 5 กลุ่มใหญ่ๆ 1. เด็กแรกเกิด ที่ไม่มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการจากบิดามารดา 2. บุตรข้าราชการที่บรรลุนิติภาวะ (อายุ 20 ปีขึ้นไป หรือบรรลุนิติภาวะโดยการสมรส) และไม่มีสิทธิประกันสุขภาพจากหน่วยงานรัฐ

3. บุตรข้าราชการคนที่ 4 ขึ้นไป และไม่มีสิทธิประกันสุขภาพจากหน่วยงานรัฐ (สิทธิสวัสดิการข้าราชการคุ้มครองบุตรเพียง 3 คน) 4. ข้าราชการที่เกษียณอายุหรือออกจากราชการโดยมิได้รับบำนาญ 5. ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และไม่ได้เป็นผู้ประกันตน โดยคนทั้ง 6 กลุ่มนี้ ถือว่ามีสิทธิบัตรทองตามกฎหมาย

 “ขอให้ผู้มีสิทธิทั้ง 6 กลุ่มนี้ ลงทะเบียนเพื่อเลือกหน่วยบริการประจำในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อเข้ารับการบริการสุขภาพทั้งการรักษาและการส่งเสริมป้องกันโรคอย่างครอบคลุมทุกอย่างฟรี” นพ.จเด็จ กล่าว

 นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการลงทะเบียนใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเลือกหน่วยบริการนั้น สามารถทำได้ใน 3 ลักษณะ ประกอบด้วย 1. การลงทะเบียนรายบุคคล เพื่อเลือกหน่วยบริการหรือขอเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ โดยผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง 2. การลงทะเบียนในกลุ่มเฉพาะ เช่น กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่ศึกษาหรือพักในหอพักของสถานศึกษา หรือกลุ่มทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) ดำเนินการโดยกรมการแพทย์ทหาร กระทรวงกลาโหม

3. การลงทะเบียนแทนผู้มีสิทธิโดยมอบให้ สปสช. ดำเนินการ กรณีเด็กแรกเกิด 0-5 ปี, กรณีบุคคลสิ้นสุดสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือสิ้นสุดประกันสังคม หรือสิ้นสุดสิทธิประกันสุขภาพอื่นที่รัฐจัดให้, กรณีหน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้แล้วถอนตัว หรือพ้นจากการเป็นหน่วยบริการประจำ, กรณีเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ สำหรับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาแล้วแต่ยังไม่ได้เปลี่ยนหน่วยบริการกลับภูมิลำเนา ผู้พ้นโทษต้องขังในเรือนจำ ทหารเกณฑ์ปลดประจำการ, กรณีบุคคลเข้ารับบริการสาธารณสุขเป็นครั้งแรก และยังไม่ได้ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำ

ทั้งนี้ หลังจากลงทะเบียนแล้ว ผู้ใช้สิทธิสามารถตรวจสอบสิทธิและทราบหน่วยบริการประจำของตนเองได้ 4 วิธี ได้แก่ 1. ผ่านแอปพลิเคชัน “สปสช.” 2. ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ สายด่วน สปสช. โทร. 1330 กด 2 ตามด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก แล้วกด # และกดโทรออก 3. ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 4. ติดต่อด้วยตนเองในเวลาราชการ ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลของรัฐ และ สปสช.เขต 1-12

สำหรับเอกสารสำหรับการลงทะเบียน 1. บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ หากไม่มีบัตรประชาชนให้ใช้สูติบัตร (ใบเกิด) แทน 2. หนังสือรับรองการพักอาศัย กรณีที่อยู่ไม่ตรงตามบัตรประชาชน พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าตนเองนั้นอาศัยอยู่จริง เช่น ใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ สัญญาเช่าที่พักฯลฯ 3. แบบคำร้องขอลงทะเบียน โดยขอได้ ณ จุดรับลงทะเบียน

อนึ่ง ข้อมูลจากรายงานการเปลี่ยนแปลงสิทธิของ สปสช. ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม – สิงหาคม 2564 มีผู้ที่ย้ายเข้ามาใช้สิทธิบัตรทองเพิ่มขึ้น 2,387,203 ราย แบ่งเป็นเดือนมกราคม 624,054 ราย เดือนกุมภาพันธ์ 666,966 ราย เดือนมีนาคม 267,248 ราย เดือนเมษายน 136,520 ราย เดือนพฤษภาคม 177,539 ราย เดือนมิถุนายน 135,705 ราย เดือนกรกฎาคม 266,513 ราย เดือนสิงหาคม 112,658 ราย


• คู่มือผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง)
https://stream.nhso.go.th/assets/portals/1/ebookcategory/73_manual_nhso_2564_update_26_01_64/

• เรื่องควรรู้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง)
https://stream.nhso.go.th/assets/portals/1/ebookcategory/67_20health/20health/#page=1