​  
​กรมอนามัย สนับสนุนการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมโรงพยาบาลสนาม เน้นให้ปฏิบัติตามแนวทางการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม  เพื่อการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและถูกต้อง พร้อมส่งเสริมให้ผู้ที่เฝ้าระวังมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพด้วย


เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2564 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ให้ความรู้การดูแลสุขภาพตนเองและการดูแลรักษาความสะอาดขณะพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม และให้ปฏิบัติตามแนวทางการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ แบ่งเป็น 8 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการจัดการอาคารสถานที่ 2) ด้านสุขาภิบาลอาหาร 3) ด้านการจัดการน้ำดื่มน้ำใช้ 4) ด้านสุขาภิบาลและความปลอดภัยในการซักฟอก 5) ด้านการจัดการส้วมและสิ่งปฏิกูล 6) ด้านการควบคุมสัตว์และแมลงพาหะนำโรค 7) ด้านการจัดการน้ำเสีย และ 8) ด้านการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ โดยการพัฒนาและปรับปรุงต่อจากระบบที่มีอยู่เดิมให้มีความเหมาะสมต่อการเป็นโรงพยาบาลสนาม ที่สะอาด ปลอดภัย ไม่แพร่เชื้อ และไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมของชุมชนโดยรอบ ซึ่งได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งจากโรงพยาบาลสนามมาตรวจยังศูนย์ห้องปฏิบัติการกรมอนามัย เพื่อเฝ้าระวังคุณภาพน้ำทิ้งจากโรงพยาบาลสนามให้ประชาชนและชุมชนโดยรอบมีความมั่นใจในคุณภาพการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ที่ถูกกักตัวมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพด้วยหลัก 3 อ คือ อาหาร ออกกำลังกายหรือกิจกรรมทางกาย และอารมณ์

​นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การส่งเสริมสุขภาพด้วยหลัก 3 อ. เริ่มจาก อ. อาหาร ผู้ปรุงประกอบอาหาร ควรมีความรู้ในการเลือกวัตถุดิบและวิธีการปรุงประกอบอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ  มีคุณค่าทางสารอาหาร รวมถึงการลดการใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงรสหวาน มัน เค็ม โดยการปรุงประกอบอาหารควรเลือกทำเมนูที่เสียยาก กินง่าย ซึ่งตัวอย่างเมนูอาหารใน 1 วัน สามารถทำได้ดังนี้ 1) มื้อเช้า เป็นข้าวกล้องต้มหมูใส่เห็ดหรือแซนด์วิชทูน่าผักกาดหอม หรือข้าวต้มเลือดหมูใส่ตำลึง มะละกอ 6 ชิ้นพอคำ หรือกล้วยน้ำว้า 1 ผล  2) มื้อกลางวัน ควรเป็นราดหน้าหมูเห็ดหอม หรือข้าวหมูอบกระเทียมพริกไทยใส่ถั่วลันเตา หรือข้าวผัดกะเพราไก่ใส่ข้าวโพดอ่อนถั่วฝักยาว แก้วมังกร 6 -8 ชิ้นคำ หรือชมพู่ 2 ผล และ 3) มื้อเย็น เป็นข้าวกล้อง ต้มจืดผักกาดขาวไข่น้ำ ปลาผัดขึ้นฉ่าย หรือข้าวกล้อง แกงส้มปลาช่อนผักรวม ผัดกะหล่ำปลีกุ้ง ฝรั่งครึ่งผล หรือส้มโอ 2 กลีบ เป็นต้น

​“สำหรับ อ.ออกกำลังกายหรือกิจกรรมทางกาย ควรลุกขึ้นมาขยับเส้นทุก ๆ 1–2 ชั่วโมง  เช่น การยืดกล้ามเนื้อคอด้านข้าง เอียงคอลงด้านข้างจนรู้สึกตึงบริเวณกล้ามเนื้อคอด้านข้าง ทำทั้ง 2 ข้าง ยืดค้างไว้ 15-30 วินาที แล้วพัก ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง กล้ามเนื้อต้นแขนด้านหลัง เหยียดแขนข้างหนึ่งขึ้นเหนือศรีษะแล้วงอศอกลง ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับที่ศอก แล้วออกแรงดึง รู้สึกตึง ยืดค้างไว้ 15-30 วินาที แล้วพัก ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยทำทั้ง 2 ข้าง  นอกจากนี้ยังต้องลุกขึ้นมาขยับร่างกาย เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต เช่น การย้ำเท้ายกเข่าอยู่กับที่ การยกส้นเท้าแตะก้น การย้ำเท้าแกว่งแขนอยู่กับที่ รวมทั้งอย่าลืมเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อควบคู่กันไปด้วยการออกกำลังกายง่าย ๆ เช่น การวิดพื้น การซิทอัพ สำหรับ อ.อารมณ์ ต้องหากิจกรรมผ่อนคลายเพื่อลดภาวะเครียด เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ดูหนังออนไลน์ เล่นเกม หรือเรียนรู้สิ่งที่สนใจ  อาทิ การทำอาหาร ทำงานช่าง งานฝีมือ ผ่านช่อง YouTube เป็นต้น และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อวัน ช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้ฟื้นสภาพ รู้สึกสดชื่นแจ่มใส เป็นผลดีต่ออารมณ์และความรู้สึก"