หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศได้ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทำการสำรวจการการปฏิบัติตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมาและจะทำต่อเนื่องทุกวันตลอดเดือนนี้ เพื่อสำรวจสถานการณ์และนำผลที่ได้ไปพัฒนาแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
ล่าสุดได้มีการสรุปรายงานผลการสำรวจรายสัปดาห์ (วันที่ 2-8 เม.ย. 2563) โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 47,144 คน แบ่งเป็นเพศหญิง 70% ชาย 29.1% อายุเฉลี่ย 42.4 ปี พบว่ากว่า 91.8% เข้าใจดีว่าควรปฏิบัติตามมาตรการอย่างไร อย่างไรก็ดีพบว่ายังมีผู้ที่ต้องออกจากบ้านถึง 47.1% โดยสามารถอยู่บ้านได้ 41.8% และอีก 11.1% อยู่บ้านแล้วแต่ยังมีคนมาหา
สำหรับสาเหตุที่ต้องออกนอกบ้านนั้น 94.2% จำเป็นต้องออกไปทำงาน พบแพทย์ ซื้ออาหารและของใช้ รวมทั้งทำธุรกรรมต่างๆ โดยมีอัตราพบเจอผู้คนในระยะห่างน้อยกว่า 2 เมตร เฉลี่ย 9 คน
ทั้งนี้ แนวทางการป้องกันตัวเมื่อต้องพบเจอกับผู้อื่นทั้งในและนอกบ้าน พบว่ามีผู้ที่สามารถล้างมือหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งของได้ถึง 85.2% ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง 76.7% ระยะห่าง 1-2 เมตรเมื่อคุยกับผู้อื่นทุกครั้ง 62.7% และระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปากได้เป็นอย่างดีทุกครั้ง 59.8%
ทั้งนี้เมื่อถามถึงการเดินทางไปสถานที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ในรอบ 14 วันที่ผ่านมา มีผู้ที่เดินทางไปจุดเสี่ยง 30.1% และ 88.2% คิดว่าจะกักตัว 14 วันและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนในบ้านหากคิดว่าตนเองมีความเสี่ยง
นอกจากนี้ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่าในช่วงที่รัฐมีมาตรการต่างๆออกมาในช่วงนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 30% มีรายได้ลดลง และ 12.9% ไม่มีรายได้เลย และพบว่าหากต้องขยายมาตรการต่างๆออกไปอีกหลังวันที่ 30 เม.ย. 2563 มี 24.0% ที่ตอบว่าปฏิบัติตามได้น้อยกว่า 2 สัปดาห์ และอีก 9.5% ตอบว่าไม่สามารถปฏิบัติตามได้
ทั้งนี้ สัดส่วนกลุ่มที่ตอบแบบสอบถามกว่า 44.6% มีอาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานของรัฐ โดยมีกลุ่มพนักงานลูกจ้างเอกชน 24.7% และผู้ประกอบอาชีพอิสระ ค้าขายหรือทำธุรกิจส่วนตัวเพียง 16.1% ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสังเกตว่าหากแต่ละกลุ่มอาชีพมีสัดส่วนการตอบแบบสอบถามใกล้เคียงกัน ตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบด้านรายได้จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยหรือไม่
อนึ่ง ผู้สนใจสามารถเข้ามาตอบแบบสอบถามที่ www.อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ.com ทุกวันตลอดเดือน เม.ย.นี้ เพื่อที่กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้นำข้อมูลไปประเมินมาตรการและปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป
- 10 views