ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"สธ." หนุนภาครัฐร่วมมือเอกชนวิจัยต่อยอดผลิตวัคซีนในประเทศ หรืออาจร่วมมือระดับภูมิภาค ผลิตวัคซีนระดับปลายน้ำ หรือจับมือร่วมกันซื้อล็อตใหญ่ เพื่อให้ได้ราคาถูก ชี้หลังเปิดเออีซี คนไทยต้องฉีดวัคซีนไอกรน คอตีบ บาดทะยักใหม่ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพราะภูมิต้านทานเดิมหมดไปแล้ว

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณ สุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และมีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ทำหน้าที่กำหนดทิศทางการพัฒนาวัคซีนของประเทศ เป็นการเริ่มต้นก้าวไปข้างหน้า โดยต้องมีการปรับวิธีการคิดและปฏิบัติให้เหมาะสม มีความเป็นไปได้ทั้งด้านวิชาการและการบริหารจัดการ ความคุ้มทุน วัคซีนบางตัวจำเป็นต้องมีการพัฒนาวิจัย ผลิตเองตั้งแต่ต้นน้ำ บางตัวอาจนำเข้าจากประเทศผู้ผลิตตามความจำเป็นทางเศรษฐศาสตร์ ต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบว่าทิศทางควรเป็นอย่างไร

ส่วนทิศทางการผลิตวัคซีนในประเทศ ต้องมีการวางแผนบทบาท ความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชนให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มทุน เช่น รัฐบาลได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าจะช่วยสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนา หรืออาร์แอนด์ดี (R & D : Research and Development) เนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งภาคเอกชนอาจจะยังไม่พร้อมในเรื่องนี้ รวมทั้งต้องหารือการนำผลการวิจัยของภาครัฐที่ได้ผลและเป็นประโยชน์ นำไปต่อยอดขยายผลในทางปฏิบัติได้จริง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายไว้ชัดเจน

ขณะนี้พบว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัย ก็อยากให้มีการตกลงว่าจะนำไปต่อยอดใช้ในประเทศได้อย่างไร อยากให้เอาผลประโยชน์ที่ได้จากการวิจัยมาใช้ในประเทศไทยมากกว่าที่จะนำไปใช้ที่อื่น เพราะมีหลายประเทศเข้ามาติดต่อในเรื่องการวิจัยทางคลินิกในประเทศไทย เช่น ประเทศเบลเยียม ได้ติดต่อขอให้ประเทศไทยส่งนักวิจัยไปช่วย เพราะประเทศเบลเยียมเป็นศูนย์ของการผลิตยา แต่ขาดนักวิจัยทางคลินิก

"เราจะมีความร่วมมือระหว่างภูมิภาค เช่น การร่วมมือผลิตวัคซีนปลายน้ำในระดับภูมิภาค หรือการร่วมกันซื้อ เพื่อให้ต้นทุนวัคซีนถูกลง ส่วนในเชิงรุกเรื่องการผลิตต้องดูเรื่องการแข่งขันด้วย เพราะถ้าผลิตวัคซีนเพื่อใช้เองในประเทศในปริมาณไม่มากและส่งจำหน่าย อาจจะแข่งขันราคากับประเทศอื่นไม่ได้ จึงต้องดูกันทั้งภูมิภาค ส่วนความกังวลว่าเมื่อเปิดเออีซีแล้วเกิดโรคระบาดที่ไม่มีในประเทศไทยแล้ว เช่น โรคคอตีบ ไอกรน ก็จะมีการปรับปรุงระบบการฉีดวัคซีนใหม่ อาจจะต้องฉีดในผู้ใหญ่ เนื่องจากภูมิต้านทานหมดไป ต้องมาฉีดกระตุ้นใหม่" นพ.ประดิษฐกล่าว

ที่มา: http://www.thaipost.net