ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สาธารณสุข เผยจำนวนถือครอง “ยาบ้า” ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องน้ออยกว่า 5 เม็ด ส่วนจะเหลือ 1 เม็ดหรือไม่ขอให้รอฝ่ายที่เกี่ยวข้องประชุมหารือ กระทรวงสาธารณสุขฝ่ายเดียวตอบไม่ได้ เตรียมปรับเปลี่ยนเรื่องกัญชา แต่ขอรับฟังความเห็น คาดภายใน 1  เดือนชัดเจนทั้งคู่

 

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารเพื่อติดตามนโยบายสาธารณสุข ว่า  ในเรื่องการบำบัดยาเสพติดจะเกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายยาเสพติด ต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งมีทั้งการป้องกัน ปราบปราม ฟื้นฟู บูรณาการทุกหน่วยงาน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและยึดทรัพย์ ต้องบูรณาการไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ย้ำว่าต้องใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เรื่องการบำบัดรักษาต้องมีการชี้วัดว่า บำบัดแล้วหายเท่าไหร่ อย่างสมัครใจบำบัดต้องมีใบรับรอง คนที่หนีการบำบัด ยังไม่ทันหายก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินการติดตาม เพราะยังถือว่ามีความผิดอยู่ ยังต้องมารับโทษ

ลดจำนวนยาบ้าจาก 5 เม็ดแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการถือครองยาบ้าจาก 5 เม็ด ลดลงจากเดิมหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะมีการพิจารณาจำนวนเม็ดลดลงอย่างแน่นอน เพราะเจตนารมณ์ประมวลกฎหมายยาเสพติด เขียนก่อนตนรับหน้าที่รมว.ยุติธรรม แต่นำเสนอสภาฯไม่จบ ซึ่งตนนำมาปรับบางส่วนเสนอใหม่จนจบเป็นกฎหมาย ขอเรียนว่า เรื่องยาบ้า หากมีโอกาสนำเสนอจะพูดถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย เพื่อให้เป็นงานที่ชัดเจน

เมื่อถามย้ำว่า จะพิจารณาเหลือ 1 เม็ดจาก 5 เม็ดหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องเรียนก่อนว่า การนำเสนอที่ผิดพลาดจะทำให้เกิดความยุ่งยาก คนครอบครองยาบ้า 1 เม็ดก็มีความผิด คนเสพก็มีความผิดแต่โทษแตกต่างกัน ดังนั้น ต้องดำเนินการตามแนวทางกฎหมายที่ชัดเจน  

“ ต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่เท่าไหร่ ขอให้ฟังต่อไป..” รมว.สาธารณสุข

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่าน้อยกว่า 5 เม็ดแน่นอน นายสมศักดิ์  กล่าวว่า ถูกต้อง  ส่วนระยะเวลาเท่าไหร่อย่างไร รัฐบาลคงมีการแจ้ง พูดต่อไป อย่างไรก็ตาม เรื่องยาเสพติดมีการดำเนินการทำงานอยู่

กัญชา ต้องรอฟังประชาชนจะกลับเป็นยาเสพติดหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องกัญชา ก่อนหน้านี้รมว.สธ.ระบุว่า ไม่ใช่ว่าใครก็ปลูกได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  แนวทางต้องเปลี่ยนไป แต่จะเปลี่ยนอย่างไร จะทำโดยลำพังไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับหลายกระทรวง ต้องมีการหารือกัน เหมือนการจะประกาศอะไรออกมา อย่าง โรงงานพลุระเบิด ประกาศกระทรวงเดียวไม่ได้ ต้อง 5 กระทรวง พูดพร้อมกันทั้งหมด กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งไม่ได้จะตีกัน

เมื่อถามว่ากัญชาจะประกาศกลับเป็นยาเสพติดหรือไม่ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ต้องรอฟัง ตนอยากฟังประชาชนด้วย ส่วนจะเป็นประชาพิจารณ์หรือไม่ ยังไม่ทราบ แนวทางยังต้องรอก่อน เพราะมีกระทรวงอื่นเกี่ยวข้อง กระทรวงสาธารณสุขทำโดยลำพังไม่ได้ ต้องมีแนวทางสอดคล้องกันหลายกระทรวง ซึ่งไม่น่านาน ประมาณภายในเดือนนี้น่าจะจบ

ถามย้ำว่านโยบายเร่งด่วนของรมว.สธ.ยุคนี้คือ เรื่องนโยบายยาเสพติด ยาบ้า และกัญชา ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องแก้ปัญหา ความเคลือบแคลงสงสัย ยาบ้านี่เป็นหลักใหญ่ๆ

“เจตนารมณ์ของกฎหมายเดิมทีเดียว ยาเสพติดที่เสนอเข้าครม. ไม่มีปริมาณเล็กน้อย มีแต่ห้าม 100% มีคือผิดกฎหมาย เมื่อส่งเข้าครม. และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา เหมือนจะเป็นคณะที่ 11 ซึ่งประธานเป็นอดีตประธานศาลฎีกา ก็ปรับแก้ให้ เพราะถ้าไปเถียงว่า มีเศษยาบ้าในกระเป๋า หรืออะไรก็ตาม ในผ้าเช็ดหน้าในเล็บ ไม่ถึงเม็ดถือว่าเป็นยาบ้า จึงต้องเพิ่มในมาตราของกฎหมาย ว่ามีเล็กน้อย เพื่อให้ฝ่ายปฏิบัติไม่ต้องยุ่งยากมาก แต่เล็กน้อยเท่าไหร่ก็อีกเรื่อง จริงๆมีเจตนารมณ์ จะเหลือกี่เม็ดก็ต้องมาทำความเข้าใจกันว่า เจตนารมณ์กฎหมายเป็นอย่างไร” นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าส่วนตัวท่านคิดว่า ยาบ้าต้องน้อยกว่า 5 เม็ดใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ใช่ ต้องน้อยกว่า 5 เม็ด แต่ขอหารือกับทุกกระทรวงให้ครบก่อน

ใครหนีบำบัดต้องรับโทษ

เมื่อถามว่ากรณีคนหนีบำบัดต้องรับโทษเลยใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ใช่ กฎหมายเป็นเช่นนี้ ปัจจุบันตัวเลขมีประมาณ 20%

ถามว่าจำนวนยาบ้าจะชัดเจนเมื่อไหร่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าช้า แต่การแก้กฎหมายจะใช้เวลา ต้องถึงสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถ้ากฎกระทรวงฯ ต้องผ่านครม. แต่ก่อนจะถึงต้องรับฟัง 3 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน รวมประมาณ 45 วัน และที่ต้องปรับแก้อีกราวๆ 21 วัน รวมๆแล้วก็ประมาณ 66 วัน จะเร็วกว่านี้ไม่ได้ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน

ชัดเจนใน 1 เดือน

เมื่อถามถึงความชัดเจนจะเกิดขึ้น 1 เดือนได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ใช่ ตนต้องให้มีความชัดเจน ตนนอนไม่หลับอยู่แล้วถ้างานค้าง