ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"หมอชลน่าน" ขอบคุณสื่อมวลชนรัฐสภา ตั้งวาทะแห่งปี กรณี “คิดผิดจับมือร่วมกับก้าวไกล ยิ่งจับมือยิ่งร่วมกันไม่ได้” จำเป็นต้องจับมือกันเพราะกระแสความต้องการของประชาชน

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข และสส.น่าน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสื่อมวลชนรัฐสภา ตั้งวาทะแห่งปีจากกรณีนพ.ชลน่านลุกขึ้นอภิปรายความเห็นการจัดรั้งรัฐบาลว่า “คิดผิดจับมือร่วมกับก้าวไกล ยิ่งจับมือยิ่งร่วมกันไม่ได้” ว่า ขอบคุณที่สื่อยกให้สิ่งที่ตนอภิปราย  เป็นวาทะแห่งปี ซึ่งจริงๆ แล้วตนต้องการชี้ให้เห็นในเชิงระบบว่า ถ้ารัฐธรรมนูญปกติ หรือการเมืองปกติพรรคการเมืองอันดับ 1 อันดับ 2 จะไม่จับมือกันในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นทุกประเทศ เพราะพรรคอันดับ 2 ก็มีความหวังว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลแข่งได้ เพราะในระบบรัฐสภา ไม่ได้หมายความว่าพรรคอันดับ 1 จะได้เป็นรัฐบาล แต่อยู่ที่พรรคการเมืองไหนที่เป็นแกนหลักและสามารถรวบรวมเสียงในรัฐสภาได้มากกว่า ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทยก็ได้ที่ 1 แต่ก็ได้ฝ่ายค้านเพราะเราไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ แล้วพรรคอันดับ 2 อันดับ 3 ก็มาดำเนินการต่อ ซึ่งก็ถือว่าเป็นไปตามกติกา

“เพราะฉะนั้นผมจึงพยายามเน้นให้เห็นว่าในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ถ้าเป็นภาวะปกติ พรรคอันดับ 1 พรรคอันดับ 2 จะไม่จับมือกัน เขาพร้อมที่จะแข่งกันเป็นรัฐบาล แต่กรณีของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จำเป็นจะต้องจับมือกันเพราะกระแสความต้องการของประชาชน เงื่อนไขของการเลือกตั้ง เขาต้องการ 2 พรรคนี้มาเป็นรัฐบาลโดยการมอบคะแนนให้ทั้ง 2 พรรคนี้ โดยพรรคก้าวไกลได้ที่ 1 และพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับที่ 2 จึงต้องจำมือกันเพื่อเป็นรัฐบาล แต่การจับมือของ 2 พรรคเรา แม้จะเป็นเสียงเกินกึ่งหนึ่งค่อนข้างมาก แต่กลไกการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญไม่ปกติ มี สว.มาช่วยเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยทำให้ไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้”  นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อไม่สามารถจะเป็นรัฐบาลได้ เลยคิดว่ารัฐธรรมนูญไม่ปกติจึงจำเป็นต้องแยกตัวเพื่อให้ตั้งรัฐบาลได้ นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ ขอบคุณสื่อมวลชนที่ยกประเด็นขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นบวกหรือเป็นลบแต่ในมุมของผม ผมต้องการสื่อภาพความเป็นจริงในมิติทางการเมือง.