ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"อนุทิน"  พร้อม "สาธิต" นำผู้บริหาร สธ. ประกาศเจตนารมณ์ต้านทุจริต พร้อมมอบโล่รางวัล 9 รพ.ดีเด่น การให้บริการโรคไม่ติดต่อ ห่วงคนไทยป่วยเบาหวาน-ความดันพุ่ง อึ้งเกือบครึ่งป่วยไม่รู้ตัว

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. และนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ.นำคณะผู้บริหารระดับสูงสธ. ร่วมประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านการทุจริต “กระทรวงสาธารณสุขใสสะอาด ร่วมต้านทุจริต (MOPH Together Against Corruption)” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 พร้อมมอบโล่เชิดชูเกียรติหน่วยงานในสังกัดสธ. ที่ได้ผลการประเมิน ITA ประจำปีงบฯ พ.ศ. 2564 จากสำนักงาน ป.ป.ช. ระดับ AA (95-100 คะแนน) 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดสธ. และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข

ทั้งนี้ สธ.ใช้มาตรการ “3 ป.1ค.” ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ คือ ปลูกและปลุกจิตสำนึก ป้องกัน ปราบปราม และเครือข่าย สร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตอย่างยั่งยืน บริหารงานโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล บุคลากรสามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ตามหลัก “STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต” และกำหนดให้บุคลากรทุกระดับไม่รับของขวัญหรือประโยชน์อื่นใดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy)

ในโอกาสนี้ สธ.ยังได้มีการมอบโล่รางวัล NCD Clinic Plus Awards ดีเด่นระดับประเทศปี 2564 โดยประเภทรพ.ขนาดใหญ่ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์, รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก และรองชนะเลิศอันดับสอง รพ.สิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ประเภทรพ.ขนาดกลาง ชนะเลิศ ได้แก่ รพ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง รพ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ และรองชนะเลิศอันดับสอง รพ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และรพ.ขนาดเล็ก รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ รพ.แสวงหา จ.อ่างทอง, รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง รพ.ละแม จ.ชุมพร และรองชนะเลิศอันดับสอง รพ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า สธ.ตระหนักและให้ความสำคัญกับโรคไม่ติดต่อ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพลำดับต้นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากการสำรวจสุขภาพคนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงประมาณ 14 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของคนไทย ในจำนวนนี้ 48.8% ไม่รู้ตัวว่าป่วย ส่วนผู้ป่วยโรคเบาหวานมี 5 ล้านคน โดย 30.6% ไม่ทราบว่าตนเองป่วย และมีเพียง 26.3% ที่ควบคุมสภาวะของโรคได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยโรค NCD เป็นกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิตหากติดเชื้อโควิด 19

ดังนั้นการประเมินคุณภาพบริการคลินิกโรคไม่ติดต่อจึงมองเรื่องทิศทางและนโยบาย ระบบสารสนเทศ การปรับระบบ กระบวนการบริการ ระบบสนับสนุนการจัดการตนเอง ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ การจัดบริการเชื่อมโยงเครือข่ายสุขภาพชุมชนในการดูแลกลุ่มเสี่ยงช่วยพัฒนาคุณภาพบริการในสถานพยาบาลในการจัดการโรคไม่ติดต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ตนขอแสดงความยินดีกับทุกรพ.ที่ได้รับโล่รางวัลดังกล่าวถือเป็นขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน และเป็นต้นแบบให้กับรพ.อื่นๆ นำมาปรับใช้ต่อไป

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org