ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“เลขาธิการแพทยสภา” ชี้ กรณีแพทย์ร้องเปิด “หลักสูตรศัลยกรรมเสริมความงาม” เพื่อยกคุณภาพและมาตรฐาน ลดปัญหาและเสียชีวิต เตรียมส่งเรื่องให้ คกก.แพทยสภาพิจารณา ย้ำยังอยู่ขั้นตอนยื่นเรื่อง ส่วนการอนุมัติเปิดหลักสูตรยังมีกระบวนการอีกไกล แถมพิจารณาอย่างรอบด้าน พร้อมเผย แพทยสภาเล็งออกประกาศคุมเข้มการให้ยานอนหลับและดมยาในคลินิก ช่วยลดความเสี่ยง คุ้มครองความปลอดภัยประชาชน หลังปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิต 3 ราย

นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มแพทย์จำนวน 840 คน เข้ายื่นหนังสือต่อแพทยสภาเพื่อพิจารณาอนุมัติเปิดให้มีการอบรมหลักสูตรศัลยกรรมเสริมความงามเป็นรายหัตถการว่า เป็นการยื่นเรื่องปกติตามขั้นตอนและระเบียบของแพทยสภา โดยเปิดให้สมาชิกแพทยสภาจำนวน 50 คน สามารถเสนอหรือยื่นเรื่องเพื่อให้แพทยสภาพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ ซึ่งในกรณีที่ยื่นเพื่อขออนุมัติเปิดอบรมหลักสูตรศัลยกรรมเสริมความงามระยะสั้น เท่าที่ฟังเหตุผลเป็นเพราะเห็นว่า ปัจจุบันการผ่าตัดเสริมความงามมีการทำกันมาก มีทั้งที่เกิดปัญหาและเสียชีวิต จึงคิดว่าน่าจะมีการเปิดหลักสูตรอบรมโดยเฉพาะที่เป็นมาตรฐานเพื่อแก้ปัญหานี้  ซึ่งในบ้านเราก็มีการเปิดหลักสูตรศัลยกรรมเสริมความงามซึ่งอยู่ในวิชาแพทย์บางสาขาเท่านั้น แต่ที่เปิดเป็นหลักสูตรโดยตรงและแพทยสภารับรองมาตรฐานนั้นยังไม่มี จึงมีการนำเสนอเรื่องนี้  

นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า ในต่างประเทศก็มีการเปิดอบรมหลักสูตรศัลยกรรมเสริมความงามระยะสั้น อย่างประเทศสิงค์โปร์ มาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งหากใครจะทำหัตถการด้านนี้ต้องผ่านการอบรมก่อน แต่ในส่วนของประเทศไทยไม่ได้มีกฎหมายอะไรห้ามไว้ โดยเปิดให้แพทย์สามารถทำศัลยกรรมได้ เพียงแต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ตามแม้ว่าขณะนี้แพทยสภาจะรับยื่นเรื่องไว้แล้ว แต่เรื่องนี้ยังมีกระบวนการและขั้นตอนพิจารณาอีกมาก โดยเริ่มตั้งแต่การพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ โดยมองเหตุผลอย่างรอบด้านก่อน ซึ่งต้องนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการแพทยสภาเพื่อพิจารณาข้อเสนอว่าควรเปิดให้มีหลักสูตรแบบนี้หรือไม่

“ขณะนี้ยังเป็นแค่การยื่นขอให้แพทยสภาเปิดอบรมหลักสูตรก่อน ส่วนหลักเกณฑ์หลักสูตรควรเป็นอย่างไรนั้น เป็นเรื่องอีกไกล แต่ยอมรับว่าขณะนี้ในสื่อโซเชียลมีเดียมีการพูดและวิจารณ์เรื่อนนี้กันมาก แต่ต้องบอกว่าการเปิดหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่งนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่าย ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภาอย่างรอบคอบก่อน”  เลขาธิการแพทยสภา กล่าว

ต่อข้อซักถามว่า ที่ผ่านมามีการร้องเรียนกรณีปัญหาศัลยกรรมเสริมความงามต่อแพทยสภามากขึ้นหรือไม่ นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า ยังมีการร้องเรียนเข้ามาเรื่อยๆ และเริ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นกรณีที่สามารถตกลงกันได้ แต่ก็มีกรณีที่เสียชีวิตด้วย แต่เป็นการเสียชีวิตจากการดมยาสลบ ตรงนี้แพทยสภาอยู่ระหว่างการเตรียมออกประกาศเพื่อควบคุมการดมยาสลบในคลินิก เพื่อเป็นการคุ้มครองให้ประชาชนมีความปลอดภัยที่สุด เป็นการเพิ่มมาตรฐานซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เฉพาะปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากการดมยาในคลินิก 3 ราย นับเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบทำก่อน

“ขณะนี้ราชวิทยาลัยแพทยวิสัญญีแห่งประเทศไทยได้ร่างหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมการให้ยานอนหลับและการดมยาสลบในคลินิก 2 ฉบับ โดยกำหนดว่าอะไรที่คลินิกสามารถทำได้ ยาอะไรที่คลินิกให้ได้ สามารถดมยามีความลึกขนาดไหน และมีอะไรที่เสี่ยงบ้างที่ห้ามและควรทำที่โรงพยาบาล รวมถึงการให้ยานอนหลับและการดมยาที่คลินิก จะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองประชาชน โดยแพทยสภาจะเร่งทำในเรื่องนี้ และจะนำเข้าคณะกรรมการแพทยสภาพิจารณาในเดือนมกราคม 2559 นี้” นพ.สัมพันธ์ กล่าว