ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุขขอพระราชทานพระอนุญาต กำหนดให้วันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี เป็น “วันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย” ปีแรกรณรงค์ “อากาศสะอาดสดใส คนไทยสุขภาพดี” รวมทั้งรณรงค์ความสะอาดส้วมสาธารณะทั่วประเทศรองรับปีท่องเที่ยววิถีไทย

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2558) ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานวันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย 4 กรกฎาคม 2558 2558 ศ.นพ.รัชตะ กล่าวด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ว่าทรงเป็นผู้นำที่เข้มแข็งมีปณิธานแน่วแน่มั่นคงต่อการดำเนินงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการดูแลสุขภาพประชาชนที่มีผลจากสิ่งแวดล้อม จึงขอพระราชทานพระอนุญาต กำหนดให้วันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคม ของทุกปี เป็น “วันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย” ผ่านมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว

ในปีแรกจะรณรงค์เรื่อง “อากาศสะอาดสดใส คนไทยสุขภาพดี (Better Health in Clean Air)” ลดการสร้างมลพิษในอากาศทั้งภายนอกและภายในอาคาร เนื่องจากมีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชนในเขตเมืองและชนบท โดยเฉพาะเขตเมืองใหญ่ เช่น กทม. เชียงใหม่ นครราชสีมา และ 9 จังหวัดภาคเหนือที่มีการเผาป่า สถิติสาธารณสุขที่ผ่านมา พบว่าโรคที่คนไทยป่วยมากเป็นอันดับต้น ๆ อย่างต่อเนื่อง คือ โรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดทั่วไป พบปีละกว่า 10 ล้านราย โรคปอดบวมมีปีละเกือบ 2 แสนราย กระทรวงฯจึงเร่งดำเนินงานอนามัยสิ่งแวดล้อมเชิงรุก โดยให้กรมอนามัยเป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ระดับประเทศต่อไป

นพ.สมศักดิ์ ชุณหศักดิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ณ นครรีโอ เด เจนาโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ล่าสุดปี พ.ศ. 2555 ได้เร่งลดผลกระทบมลพิษสิ่งแวดล้อมโลก เน้นให้ทุกประเทศพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว สร้างความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในส่วนของประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นแกนนำในการดำเนินงานอนามัยสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการสร้างสุขภาพมากกว่าการซ่อมสุขภาพ ให้ความสำคัญกับสุขภาพที่สมบูรณ์ทางกาย ทางใจ ทางสังคม และจิตวิญญาณ เน้นการเฝ้าระวังและป้องกัน สร้างความตระหนักและความรู้แก่ประชาชนในการดูแลและจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมด้วยตนเอง

นอกจากนี้ จากการที่ประเทศไทยได้กำหนดให้ปี 2558 เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยกระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายเร่งพัฒนาส้วมสาธารณะในสถานที่ท่องเที่ยวและโบราณสถานต่างๆ ให้ได้มาตรฐานส้วมสาธารณะ (HAS) เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวไทย เน้นสะอาด (Health) เพียงพอ (Accessibility) และปลอดภัย (Safety) เป้าหมายร้อยละ 85 ที่ผ่านมารณรงค์ใน 12 กลุ่มเป้าหมาย คือ แหล่งท่องเที่ยว ร้านจำหน่ายอาหาร ตลาดสด สถานีขนส่ง สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง สถานศึกษา โรงพยาบาล สถานที่ราชการ สวนสาธารณะ ศาสนสถาน ส้วมสาธารณะริมทางและห้างสรรพสินค้า มีความก้าวหน้ามากขึ้น ขณะนี้มีส้วมสาธารณะได้มาตรฐานฯ ร้อยละ 70 และจะเร่งดำเนินการให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้กระตุ้นให้ประชาชนและเจ้าของส้วมสาธารณะ ตระหนักถึงความสำคัญของการทำความสะอาดอยู่เสมอ โดยจัดประกวดสุดยอดส้วมทุกปี และมอบประกาศนียบัตรเพื่อเป็นแรงจูงใจ ปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคลต้นแบบการพัฒนาส้วมสาธารณะไทย 3 ท่าน ได้แก่ 1.นายจรูญ ล่องชุม ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลยะรัง 2.นายสรัล ตันติจำนรรจ์ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเขตภาคใต้ (RGM) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และ3.นางสาวอรสา รอดบำรุง ช่วยขยายเครือข่ายในการพัฒนาส้วมสาธารณะ

นอกจากนี้ยังมีสถานที่ได้ตำแหน่งสุดยอดส้วมแห่งปี 2557 (Best Public Toilet of the Year 2014) จำนวน 18 แห่ง อีกทั้งกรมอนามัยยังได้ดำเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณะมาครบ 10 ปี จึงมีการมอบรางวัลสุดยอดส้วมที่มีการดำเนินการและพัฒนาอย่างยั่งยืน (Champ of The Champ 2014 : Best Public Toilet of theYear) อีก 60 แห่งด้วย