‘นพ.รัชตะ’ ชี้นายกฯ ห่วงงบรักษาพยาบาลเพิ่ม หนุนคนรวยบริจาคให้กองทุน 30 บาท

‘นพ.รัชตะ’ แจงไม่ว่ารวยหรือจน ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในสิทธิรักษาพยาบาล ส่วนงบบัตรทองนั้น รัฐบาลกำลังหาวิธีให้คนรวยบริจาคเข้ากองทุน 30 บาท ด้านเลขาธิการ สปสช.เผย ระบบออกแบบให้แต่ละคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน จึงระบุว่ายากว่าใน 48 ล้านคนมีคนรวยกี่คน แต่ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการสิทธิบัตรทองประมาณ 35 ล้านคน มีผู้ไม่ได้ใช้บริการกว่า 10 ล้านคน ตามหลักการคือ คนดีช่วยคนป่วย คนรวยช่วยคนจน เสนอแนวคิด เพิ่มช่องบริจาคให้กองทุนบัตรทอง ในช่วงเสียภาษี เพิ่มจากช่องบริจาคให้พรรคการเมือง

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่า วันที่ 25 เม.ย. ที่ชวาลันรีสอร์ท จ.นครปฐม ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า แนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะลดความเหลื่อมล้ำในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค โดยให้คนรวยและคนที่มีเงิน ไม่ใช้สิทธิ์บัตรทอง นั้น ขณะนี้งบประมาณในระบบหลักประกันสุขภาพเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ดังนั้นรัฐบาลกำลังหาวิธีเพื่อลดภาระงบประมาณส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคนรวยหรือคนจนทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ดังนั้นอาจมีแนวคิดในการบริจาคเงินเข้ากองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งการดำเนินการส่วนนี้อาจต้องใช้เวลา ไม่สามารถดำเนินการได้ทันที

นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขณะนี้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครอบคลุมประชากร 48 ล้านคน อย่างไรก็ตามมีผู้ใช้บริการราว 35 ล้านคน มีผู้ไม่ได้ใช้บริการ 10 กว่าล้านคน ซึ่งแนวคิดของนายกรัฐมนตรี คงต้องการให้คนดีช่วยคนป่วย คนรวยช่วยคนจน เพราะหากคน 10 กว่าล้านคน ไม่เข้ามาใช้บริการก็น่าจะสามารถนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยกลุ่มอื่นได้ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า สปสช.ไม่มีข้อมูลว่าคนรวยที่ใช้สิทธิ์ 30 บาทมีกี่คน เพราะระบบออกแบบให้แต่ละคนมีสิทธิที่เท่าเทียมกัน และให้คนที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาช่วยเหลือคนที่เข้ารับการรักษา โดยเฉพาะในโรคราคาแพงอยู่แล้ว

"ก่อนหน้านี้ได้เสนอกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่มีท่านนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่าแต่ละปีทุกคนต้องเสียภาษี ซึ่งในใบยื่นภาษีจะมีช่องกรอกให้บริจาคให้กับพรรคการเมือง ฉะนั้น จึงน่าคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีช่องกรอกให้บริจาคให้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทต่อคนต่อปี หากมีคนบริจาค 1 ล้านคน ก็จะได้รับงบประมาณเพิ่ม 3,000 ล้านบาทต่อคนต่อปี" นพ.วินัยกล่าว