ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข แจกหน้ากากอนามัยกว่า 1.4 แสนชิ้น 7 จังหวัดภาคเหนือ ป้องกันการสูดละอองควันไฟเข้าปอด เผยยังไม่พบผู้ป่วย สถานบริการพร้อมบริการ 24 ชั่วโมง แนะประชาชนกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มเสี่ยงป่วยง่าย อาทิ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังดูแลสุขภาพหลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นละออง งดกิจกรรมกลางแจ้งชั่วคราว

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองควันไฟป่าที่ภาคเหนือว่า ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกระดับในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน จัดเตรียมเครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ ยาประจำห้องฉุกเฉินต่างๆ เพื่อให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วยได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะจังหวัดลำปางและแพร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนสูงเกินมาตรฐาน ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน อย่างใกล้ชิดด้วย ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยจากพิษควันไฟป่า  ทางกรมควบคุมโรค ได้แจกหน้ากากอนามัย จำนวน 140,000 ชิ้น ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดแพร่ 10,000 ชิ้น แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน และน่าน จังหวัดละ 15,000 ชิ้น และเชียงใหม่ เชียงราย จังหวัดละ 35,000 ชิ้น เพื่อป้องกันการสูดฝุ่นละอองฝุ่นเข้าปอด   หากคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ไม่ปลอดภัย

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยจากปัญหาฝุ่นละอองหมอกควันไฟ ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มี 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มเด็กเล็ก 2.หญิงตั้งครรภ์  3.ผู้สูงอายุ 4.ผู้ป่วยโรคหอบหืด 5.ผู้ป่วยโรคถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง 6.ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ และ7.ผู้ป่วยโรคหัวใจ จึงขอแนะนำให้ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการสูดละอองหมอกควัน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก เพื่อลดการสัมผัสกับฝุ่นหรือมลพิษเข้าปอด งดกิจกรรมกลางแจ้ง สังเกตอาการของตนเองและสำรองยาให้เพียงพอ หากมีอาการผิดปกติ เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม แสบตา ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

นพ.ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันในวันนี้ในหลายอำเภอยังพบค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนสูงเกินมาตรฐาน สถานบริการในพื้นที่ให้บริการประชาชนได้ปกติ ยังไม่รายงานประชาชนเจ็บป่วยจากปัญหาหมอกควันเข้ารับบริการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปางได้ให้สถานบริการ เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน และเฝ้าระวังการเจ็บป่วย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงงดกิจกรรมกลางแจ้งชั่วคราว หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากอนามัยหรือใช้ผ้าชุบน้ำหมาดปิดก่อนออกจากบ้าน หากประชาชนต้องการหน้ากากอนามัยติดต่อขอรับได้ที่สถานบริการทุกแห่งในสังกัด