ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กมธ.สธ.เข้าหารือ นพ.รัชตะ-นพ.สมศักดิ์-ปลัดสธ. เพื่อรับฟังความคิดเห็นและเก็บข้อมูลเตรียมยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เห็นด้วยปฏิรูปด้วยเขตสุขภาพ เป็นเรื่องดี ช่วยประชาชนเข้าถึงบริการรวดเร็ว มีคุณภาพ พร้อมหารือบูรณาการ 3 กองทุน ด้าน รมช.สมศักดิ์ เสนอรัฐธรรมนูญใหม่บรรจุเรื่องตั้งกองทุนใหม่ร่วมจ่ายแทนประชาชนกรณีงบบัตรทองไม่เพียงพอ แต่ไม่มั่นใจ อนาคตประชาชนอาจต้องร่วมจ่ายจริง

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์

26 พ.ย.57 นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ว่า วันนี้มารับฟังความเห็นและข้อเสนอต่างๆ เพื่อนำให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไปพิจารณาบรรจุเข้าในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เบื้องต้นจะเห็นว่างบประมาณที่ใช้ในกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เพิ่มขึ้นทุกปีจากปี 2545 อยู่ที่1,202.4 บาทต่อหัวประชากร ปี 2557 อยู่ที่ 2,895 บาทต่อหัวประชากร แต่ส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับรักษาพยาบาลค่อนข้างน้อยโดยเฉพาะค่ายา เพราะฉะนั้นจึงเตรียมเสนอให้กำหนดเรื่องการจัดสรรงบประมาณสำหรับกองทุนบัตรทองให้เพียงพอและยั่งยืนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย

นอกจากนี้ทั้ง นพ.รัชตะ และนพ.สมศักดิ์ ยังมีความเห็นร่วมกันว่ากองทุนสุขภาพนั้นโตขึ้นทุกวันอาจจะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในอนาคต จนทำให้ประชาชนต้องเข้ามาร่วมจ่าย ณ จุดบริการ แต่ก็ยังไม่อยากให้เกิดภาระตรงนี้กับประชาชน ซึ่ง นพ.สมศักดิ์ ได้เสนอแนวคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่จะให้ประชาชนมาร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ณ จุดบริการ จึงได้เสนอให้มีการตั้งกองทุนขึ้นมาอีก 1 กองทุนเพื่อช่วยเหลือกองทุนบัตรทองในกรณีที่เงินไม่เพียงพอ ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับแนวทางนี้ ซึ่งปัจจุบันในระดับท้องถิ่นก็มีกองทุนอยู่ จึงอาจจะให้ท้องถิ่นเป็นผู้บริหารกองทุน อย่างไรก็ตามตนยังขอให้เว้นเอาไว้ว่า ในกรณีที่กองทุนที่ตั้งขึ้นใหม่ก็รับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวอาจจะต้องให้ประชาชนร่วมจ่ายในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องหารือกันอีกหลายครั้ง

ด้านเว็บไซต์ASTVผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า วันนี้ (26 พ.ย.) พญ.พรพรรณ บุญรัตพันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุข สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พร้อมด้วย นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เดินทางเข้าร่วมหารือ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดสธ. และผู้บริหารระดับสูงของสธ. ถึงการปฏิรูประบบสุขภาพ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่     

พญ.พรพรรณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า การทำงานขณะนี้อยู่ในขั้นเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในฐานะที่เป็นประธาน กมธ.ด้านสาธารณสุขก็ต้องมารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับสาธารณสุขว่ามีประเด็นสำคัญอะไรที่จะเสนอหรือไม่ ซึ่งทาง สธ.เองก็มีการปฏิรูประบบสุขภาพด้วยการทำเขตสุขภาพ ซึ่งมองว่าหากทำระบบการส่งต่อรักษาพยาบาลได้แบบไร้รอยต่อจริงก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ช่วยลดความคับคั่งและภาระภายในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ระดับตติยภูมิ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังคือ ประชาชนต้องได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว มีคุณภาพและครอบคลุม คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งไม่เพียงเฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่เป็นทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินไทย เน้นทั้งระบบการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาพยาบาลและการฟื้นฟู   

พญ.พรพรรณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการหารือในเรื่องการบูรณาการ 3 กองทุนสุขภาพด้วย โดยมองว่ารัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอและยั่งยืน แต่การจะดำเนินการอย่างไรนั้นต้องมาหารือ เพราะแต่ละกองทุนต่างก็มีกฎหมายของตัวเอง ก็ต้องมาดูว่าจะจัดสรรอย่างไรให้มีคุณภาพ หรือจะบริหารจัดการร่วมกันอย่างไร       

ด้าน นพ.เจตน์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ที่มาหารือในครั้งนี้เพื่อรับฟังความเห็นต่างๆ เพื่อนำไปประมวลผลในการพิจารณาของ สนช.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ด้านสาธารณสุขถือว่ามีการปฏิรูปที่มาไกลกว่ากระทรวงอื่น มีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ได้รับความนิยมและความพอใจจากประชาชน แต่ที่น่าห่วงคือมีการใช้งบรายหัวเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งสุดท้ายต้องมาแก้ปัญหาที่การร่วมจ่าย แต่ประชาชนอาจไม่ยินยอม รมช.สาธารณสุขจึงเสนอให้มีการตั้งกองทุนร่วมจ่ายโดยเฉพาะ เพื่อมาแก้ปัญหาแทน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าที่มาของเงินกองทุนมาจากที่ไหน คงต้องปรึกษากระทรวงการคลัง แต่มองว่ากองทุนเช่นนี้ต้องมี โดยอาจให้ท้องถิ่นบริหารจัดการเอง แต่ที่แน่ชัดคือไม่เอาเงินภาษีบาปมาใช้ในกองทุนนี้ ซึ่งแนวคิดนี้ส่วนตัวก็เห็นด้วย