ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ได้ออกหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการบริการด้านเภสัชกรรม (จีพีพี) โดยกำหนดให้ร้านขายยาเปิดใหม่ทั้งหมดต้องปฏิบัติตาม หนึ่งในนั้นคือเรื่องของการจัดทำบัญยาอันตราย และยาควบคุมพิเศษซึ่งยาน้ำแก้ไอจัดเป็นยาอันตรายต้องทำบัญชีว่า สั่งซื้อมาจากผู้ผลิตรายใด ปริมาณเท่าไร และจำหน่ายออกไปในปริมาณเท่าไร ซึ่งตามหลักเกณฑ์ปริมาณการจำหน่ายจากผู้ผลิตไปยังร้านขายยาต้องไม่เกิน 300 ขวดต่อเดือน ต่อร้าน และร้ายขายยาต้องจำหน่ายครั้งละไม่เกิน 3 ขวดต่อคน โดยเภสัชกรต้องเป็นผู้จำหน่ายเท่านั้น เพื่อป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

นพ.บุญชัย กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบร้านขายยา 11 ร้านย่านรามคำแหง พบว่า บางร้านไม่ได้ทำบัญชี โดยขายยาดังกล่าวช่วงเภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ขายนอกเวลาทำการ จึงได้ยึดของกลางรวมมูลค่า 3 ล้านบาท พร้อมตั้งข้อหา 5 คดี และส่งชื่อเภสัชกรให้สภาเภสัชกรรมพิจารณาโทษทางจริยธรรม อย่างไรก็ตาม อย.จะออกประกาศเพิ่มเติมภายใต้หลักเกณฑ์จีพีพี ว่า ยาอันตรายและยาควบคุมพิเศษตัวใดที่จะต้องทำบัญชี เพราะปกติแล้วยาอันตรายและยาควบคุมพิเศษทุกตัวจะต้องทำบัญชีทั้งหมดเก็บไว้ที่ร้าน เพื่อให้ อย.ตรวจสอบ แต่ยาในกลุ่มเหล่านี้มีปริมาณมาก อาจเป็นภาระในการทำบัญชี ประกอบกับยาบางตัวไม่ได้เป็นปัญหาในการนำไปใช้ในทางที่ผิด จึงจะออกประกาศให้ทำบัญชีเฉพาะยาอันตรายและยาควบคุมพิเศษบางตัวที่มีปัญหาในการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์เท่านั้นที่ต้องทำบัญชี ส่วนตัวอื่นไม่ต้องทำก็ได้ โดยในอนาคตจะทำบัญชีง่ายขึ้นด้วยการกรอกข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ ซึ่ง อย.กำลังเร่งพัฒนาอยู่

"ขณะนี้ อย.มีข้อมูลแล้วว่ายาอันตรายและยาควบคุมพิเศษตัวไหนที่มีปัญหา โดยเบื้องต้นคาดว่ายาที่จะออกประกาศให้มีการทำบัญชี เช่น ยาน้ำแก้ไอ ทรามาดอล สเตียรอยด์ ยาเดกซาเมทาโซน เป็นต้น คาดว่าน่าจะออกประกาศได้ภายใน 2 เดือน เนื่องจากต้องรอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการยาเสียก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประชุมได้เนื่องจากผู้ทรงคุณวุฒิคนใหม่ไปแล้ว แต่เกิดปัญหาด้านการเมืองเสียก่อน จึงต้องทำเรื่องเสนอขึ้นไปใหม่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา ซึ่งตอนนี้เสนอเรื่องขึ้นไปใหม่แล้ว" นพ.บุญชัย กล่าว

นพ.บุญชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับร้านขายยาเก่าที่เปิดก่อนมีการออกประกาศหลักเกณฑ์จีพีพีนั้น อย.ให้เวลาในการปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน 8 ปี ซึ่งจะแบ่งเป็นเฟส โดยเรื่องการจัดทำบัญชียาอันตรายและยาควบคุมพิเศษถือเป็นเฟสแรกที่ต้องดำเนินการปรับปรุง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดว่าการปรับปรุงในเฟสแรกจะให้ระยะเวลาเท่าไร เนื่องจากการปรับปรุงบางอย่างต้องใช้เวลา เช่น เรื่องสถานที่ต้องมีขนาดมากกว่า 8 ตารางเมตร ซึ่งอาจต้องให้เวลามากในการปรับปรุงส่วนนี้ เป็นต้น