ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัดสธ. เผยขณะนี้ มีคนไทยอ้วน 16 ล้านคน เป็นหญิงมากกว่าชาย 2 เท่าตัว มากสุดที่กทม. ชี้ความอ้วนจะเป็นแม่เหล็กดูดโรคไม่ติดต่อเข้ามาได้หลายโรค เช่นเบาหวาน โรคหัวใจ และมีผลทำให้สมรรถภาพร่างกายไม่ต่างจากคนชรา ปวดเข่า ปวดขาบ่อยหากไม่ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในพิกัด และอนาคตจะเป็นคนชราขาโก่ง เดินเหมือนนกเพนกวิน แนะให้ออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหาร พร้อมพัฒนาเจ้าหน้าที่ เป็นต้นแบบการออกกำลังกายแก่ประชาชนในพื้นที่ทั่วประเทศ

วันนี้ (1 สิงหาคม 2557) ที่สนามกีฬากระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานจุดคบเพลิงเปิดการแข่งขันกีฬาสาธารณสุขสามัคคี ครั้งที่ 35 ประจำปี 2557 จัดระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2557 มีหน่วยงานในสังกัด ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค และองค์กรภายใต้กำกับ เช่น องค์การเภสัชกรรม สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เข้าร่วมพิธีประมาณ 3,000 คน ซึ่งเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างความรัก ความสามัคคีแก่บุคลากรในสังกัด

นพ.ณรงค์ให้สัมภาษณ์ว่า งานวิจัยทั้งในและต่างประเทศยืนยันตรงกันว่า ความอ้วนเป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเข้ามาได้หลายโรคพร้อมกัน โรคยอดฮิตในคนอ้วนที่พบ ได้แก่ ไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน อัมพาตอัมพฤกษ์ โรคหัวใจ และยังเป็นต้นเหตุของโรคมะเร็ง โดยกองทุนวิจัยมะเร็งโลก (World Cancer Research Fund) รายงานว่า สาเหตุของโรคมะเร็งร้อยละ 24 เกิดมาจากความอ้วน เช่นมะเร็งหลอดอาหาร ลำไส้ เต้านม มดลูก และไต และยังมีความเสี่ยงเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากที่รุนแรง นอกจากนี้ ความอ้วนยังส่งผลระยะยาวต่อข้อเข่า ทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็ว สมรรถนะร่างกายจะไม่แตกต่างจากผู้สูงอายุ และจะเป็นผู้สูงอายุที่ขาโก่งเมื่ออายุมากขึ้น เดินโยกเยกคล้ายนกเพนกวิน เข่ารับน้ำหนักตัวไม่ไหว เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

โดยองค์กรอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า ในปี 2558 ทั่วโลก จะมีคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานถึง 2,300 ล้านคน ส่งผลให้แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคเรื้อรังต่างๆ กว่า 2.8 ล้านคน รุนแรงกว่าโรคติดต่อหลายเท่าตัว สำหรับประเทศไทย ข้อมูลล่าสุดปี 2556 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า มีคนอ้วนถึง 16 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 26 ของคนไทยทั้งประเทศ หรือพบได้ 1 คนในทุก 4 คน โดยผู้หญิงอ้วนมีจำนวน 11.3 ล้านคน มากกว่าผู้ชาย 2 เท่าตัว โดยจังหวัดที่มีคนอ้วนลงพุงมากที่สุดคือกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 45 รองลงมาคือภาคกลางร้อยละ 38 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 29 ภาคเหนือร้อยละ 27 และภาคใต้ร้อยละ 26

นพ.ณรงค์กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งดำเนินการป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยสนับสนุนให้ประชาชนควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยการกินอาหารที่มีไขมันต่ำ เส้นใยสูง เช่นผัก ผลไม้ กากใยจะช่วยดูดซับไขมันและขับถ่ายออกทางอุจจาระ ไม่สะสมในร่างกาย ควบคู่กับการออกกำลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละไม่ต่ำกว่า 30 นาที เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน เป็นต้น ทั้งนี้ ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2554 พบว่า คนไทยอายุ 11 ปี ขึ้นไป เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเพียง 15 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 26 ของประชากรวัยนี้ที่มีประมาณ 58 ล้านคน และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ ได้จัดอบรมพัฒนาทักษะการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับเพศ วัย และสภาพร่างกาย แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการออกกำลังกายและนำไปถ่ายทอดแก่ประชาชนในพื้นที่ ให้หันมาออกกำลังกายให้มากขึ้น

ทั้งนี้ กีฬาสามัคคีครั้งนี้ จัดการแข่งขันทั้งหมด 13 ประเภท ได้แก่ บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ฟุตซอล ชาย-หญิง ประเภททั่วไปและประเภทอาวุโส ฟุตบอล กรีฑา ตะกร้อ เทนนิส เทเบิลเทนนิส แบดมินตัน ปาเป้า เปตอง ว่ายน้ำ และหมากกระดาน รวมทั้งยังจัดประกวดขบวนพาเหรด และกองเชียร์ด้วย ซึ่งในระหว่างการแข่งขันกีฬาสาธารณสุขสามัคคีวันที่ 28 กรกฎาคม -1 สิงหาคม 2557 นี้